วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

โดย ดร.ทินโน ขวัญดี แห่งสำนักสวนพลู : คอคอดกระ ถึง คลองไทย

คอคอดกระ ถึง คลองไทย
 ศูนย์กลางการขนส่งแห่งอาเซี่ยน ของไทย

 บินให้ไกล ไปให้ถึงฝั่งฝัน หรือเป็นแค่ฝันค้าง กลางแดด” 


โดย ดร.ทินโน ขวัญดี แห่งสำนักสวนพลู






 

พูดกันแล้ว พูดกันอีก ทะเลาะกันมานาน เฝ้าดูการตัดสินใจและการเปลี่ยนแปลง ว่าการขุดคลอง
คอคอดกระ (คอคอดกระ มีระยะทางจากฝั่งทะเลตะวันตกจรดฝั่งตะวันออกกว้าง 50 กิโลเมตร) เพื่อเชื่อมทะเลอันดามันกับอ่าวไทย พูดกันมาประมาณสามร้อยชั่วโครตแล้ว ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช   มาเริ่มชัดเจนสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมอินโดจีน ได้ขอสำรวจคอคอกกระ หรือกิ่วกระ บริเวณแคบสุดของแหลมมลายู ตั้งอยู่ระหว่างอำเภอกระบุรี จังหวัดระนองกับ อำเภอสวี จังหวัดชุมพรโดยมีแนวคิดว่าจะมีการขุดคลองเชื่อม เพื่อร่นระยะเวลาการเดินทางของเรือเดินสมุทร จากฝรั่งเศสมาเวียดนาม โดยไม่ต้องไปอ้อมแหลมมลายู ซึ่งอยู่ใต้การปกครองของอังกฤษมหาอำนาจคู่แข่งสำคัญในยุคนั้น
พออังกฤษทราบเรื่องก็พยายามล็อบบี้ไม่ให้ไทยอนุญาตให้ฝรั่งเศสขุดคลองคอคอดกระ ด้วยเกรงว่าฝรั่งเศสจะแผ่อิทธิพลมากเกินไปในภูมิภาคนี้ และกระทบกระเทือนกับธุรกิจการเดินเรือของอังกฤษในสิงคโปร์ ดังนั้น ไทยแม้จะเป็นประเทศเสรี แต่อยู่ในสถานะรัฐกันชนและโดนบีบจากทั้งสองฝ่าย ฝั่งพม่า และมลายู เป็นของอังกฤษ ฝั่งอินโดจีน เป็นของฝรั่งเศส ก็พยายามประคับประคองสถานการณ์ให้ดีที่สุด
ส่วนรัชกาลที่ 5 ขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน อำนาจทางการเมืองเพิ่งเริ่มต้น ก็เกรงใจอังกฤษผู้มีอิทธิพลสูงสุดในสยามประเทศเวลานั้น สุดท้ายก็ทรงอนุญาตให้ฝรั่งเศสสำรวจพื้นที่ไปเรื่อย ๆ แต่การเรื่องการขุดคลองก็ยืดเวลาออกไป จนเรื่องเงียบหายไป (เจอลูกเล่นแบบไทยๆ)
กระทั่งสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง โอกาสขุดคลองคอคอดกระก็ลดน้อยลง เมื่อสนธิสัญญายุติสงครามระหว่างไทยกับอังกฤษ ได้มีการระบุชัดเจนว่า ไทยรับรองว่าจะไม่ขุดคอคอดกระเพื่อเชื่อมมหาสมุทรอินเดียกับอ่าวไทย โดยมิได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งแน่นอน คงไม่อยากให้ไทยมาทำธุรกิจการเดินเรือแข่งกับสิงคโปร์(เขี้ยวลากดิน ต้องการค้าขายเอารวยแต่เพียงผู้เดียว)
ในปีพ.ศ. 2501 นายปรีดี พนมยงค์ เสนอให้ขุดคลองคอคอดกระ แต่ก็มีหลายเหตุผลคัดค้าน โดยเฉพาะปัญหาความมั่นคง การแบ่งแยกประเทศออกเป็นสองส่วน
จากนั้นรัฐบาลเกือบทุกยุค ก็มีการพูดถึงโครงการขุดคลองคอคอดกระมาตลอด และดูจะเป็นเรื่องเป็นราวมากที่สุด เมื่อทางวุฒิสภาได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระใน พ.ศ. 2544 ผลการศึกษานั้น ตัดคำว่าคอคอดกระ (ผืนแผ่นดินของไหล่ทวีปที่แคบที่สุด) และให้ใช้คำว่า คลองไทย แทน เพราะสรุปว่าบริเวณที่จะขุดเชื่อมทะเลสองฝากฝั่งนั้น คงไม่ใช่คอคอดกระ ด้วยเหตุผลทางวิศวกรรมศาสตร์และทางภูมิศาสตร์ เพราะสภาพพื้นที่บริเวณคอคอดกระเป็นภูเขาและหิน มีความยากลำบากมาก และปัญหาความมั่นคงเนื่องจากบริเวณคอคอดกระอยู่ที่ชายแดนพม่า
บริเวณที่มีความเป็นไปได้และเกิดประโยชน์สูงสุดในการขุดคลองไทย มีหลายแนวด้วยกัน ผ่านการสำรวจและวิเคราะห์มาหลายครั้ง แต่เส้นทาง 9A ผ่านจังหวัดกระบี่ ตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราช และสงขลา ระยะทาง 120 กิโลเมตร เป็นแนวเส้นที่คาดว่าน่าจะมีโอกาสดี

 



ข่าวล่า บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนสนใจที่จะร่วมลงทุนอภิมหาโครงการแห่งนี้ ด้วยเหตุผลที่น่าสนใจคลองไทย หรือคอคอดกระจะสามารถร่นระยะเวลาเดินทางอ้อมแหลมมลายูได้เพียง 2 วัน หากเปรียบเทียบกับคลองสุเอซ หรือคลองปานามา สามารถร่นระยะเวลาได้ประมาณ 7 วันประเทศจีนจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการใช้คลองคอคอดกระ ร่นระยะเวลาในการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางไปประเทศจีน ซึ่งเรือบรรทุกน้ำมันจะมาใช้บริการมากที่สุด ขณะที่ประเทศอื่นจะไม่ได้ประโยชน์อย่างมาก เวลา 2 วันไม่ค่อยมีนัยะสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับสิงคโปร์มีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลกอีกมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นศูนย์กลางการขนส่ง ท่าเรือ อาคารสถานที่ ความชำนาญของผู้คนในธุรกิจเดินเรือ ฯลฯ



ประกอบกับในสถานะการณ์ปัจจุบันของโลกและความคิดเชิงการพัฒนาระดับประเทศได้แปรเปลี่ยนไปในระดับหนึ่ง (แม้ว่าแนวความคิดของคนบางส่วนยังไม่เปลี่ยนแปลง) โดยผ่านกระบวนการความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง และแม้กระทั่งทางด้านความมั่นคง เช่นที่ใกล้ตัวมากที่สุดก็คือประชาคมอาเซี่ยน(ASEAN) ในรูปแบบของประชาคมเศษฐกิจอาเซี่ยน(AEC), ASEAN+3, ASEAN +6 , BIMSTEC,  และ APAC เป็นต้น
จากที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 12 ในเดือนมกราคม 2550 ที่เซบู ประเทศฟิลิปปินส์ เห็นชอบให้จัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนให้แล้วเสร็จเร็วขึ้น 5 ปี จากปี 2563 เป็นภายในปี 2558 และในที่สุดที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 21 ในเดือนพฤศจิกายน 2555 ที่กรุงพนมเปญ กำหนดให้ถือวันที่ 31 ธันวาคม 2558  เป็นวันบรรลุเป้าหมายการสร้างประชาคมอาเซียนอย่างเป็นทางการ ซึ่งหมายความว่าอาเซียนจะเหลือเวลาอีก 3 ปีเต็ม ที่ภูมิภาคแห่งนี้จะเข้ามารวมเป็น "ครอบครัวเดียวกันภายใต้กฎกติกาเดียวกัน มีอำนาจต่อรอง และผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างอาเซียนกับประเทศภายนอก
อาเซียนมีสมาชิก 10 ประเทศ มีความแตกต่างกันทั้งด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม การรวมกลุ่มกันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องวางรากฐานให้อาเซียนมีความเชื่อมโยง (connectivity)
ระหว่างกันมากขึ้น ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 17 เมื่อเดือนตุลาคม 2553 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ได้เห็นพ้องในร่างแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ( Master Plan on ASEAN Connectivity: MPAC ) เพื่อใช้เป็นยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนปี 2554-2558 ความเชื่อมโยงครอบคลุมใน 3 มิติ คือ ความเชื่อมโยงทางกายภาพ ความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบ และ ความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน
·       ความเชื่อมโยงทางกายภาพ (Physical Connectivity) หมายถึง การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้าน
การขนส่ง ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และด้านพลังงาน
ด้านการขนส่ง โครงข่ายด้านคมนาคมถือเป็นส่วนสำคัญของแผนแม่บทฉบับนี้ ประกอบด้วยการสร้าง และพัฒนาเส้นทางการการคมนาคม ขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศที่เชื่อมโยงประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศนอกภูมิภาคเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โครงการสำคัญในลำดับต้นคือ โครงการทางหลวงอาเซียน ( ASEAN Highway Network – AHN ) เป็นเครือข่ายเส้นทางถนนเชื่อมโยงประเทศสมาชิกเป็นระยะทางทั้งสิ้น 38,400 กิโลเมตร และโครงการรถไฟสายสิงคโปร์ คุนหมิง (Singapore Kunming Rail Link -SKRL) เชื่อมโยง 8 ประเทศ เส้นทางหลักที่ผ่าน 6 ประเทศ คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย กัมพูชา เวียดนาม และจีน และมีเส้นทางแยกอีก 2 สาย คือ ไทย สปป.ลาว และ ไทย พม่า การคมนาคมทางน้ำนั้น MPAC ได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาท่าเรือหลัก
สำหรับเครือข่ายการขนส่งทางทะเลในภูมิภาคอาเซียนไว้ 47 แห่ง ซึ่งท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบังของไทยถูกนับรวมไว้ในยุทธศาสตร์ดังกล่าวด้วย ส่วนการคมนาคมทางอากาศ เน้นการปรับปรุงระบบการบิน พัฒนาคุณภาพสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อรองรับการขนส่งทางอากาศ รวมทั้งการพัฒนาเส้นทางบินใหม่ที่เหมาะสม
- ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นการพัฒนาโครงข่ายการสื่อสารอินเทอร์เน็ต ดาวเทียม และซอฟท์แวร์ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การลงทุน และการเชื่อมโยงประชาชนสู่ประชาชน หนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญคือ การจัดตั้ง ASEAN Broadband Corridor ภายในปี 2557
ด้านพลังงาน เป็นการเร่งรัดการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านพลังงานของอาเซียน โดยเฉพาะเรื่องโครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าอาเซียน การสร้างแนวท่อกาซธรรมชาติในอาเซียน การใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาด และพลังงานหมุนเวียน
·       ความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบ (Institutional Connectivity) หมายถึงการเชื่อมโยงในด้านกฎระเบียบ
ต่างๆ ผ่านการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ และความตกลงภูมิภาค รวมทั้งพิธีสาร ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่ง การเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ และการลงทุนอย่างเสรี การเคลื่อนย้ายแรงงานมีฝีมือและการพัฒนามนุษย์ และการข้ามพรมแดน ปัจจุบัน มีความตกลงหลายกรอบที่เอื้อต่อความเชื่อมโยงของระบบ แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ และต้อง ปรับปรุงรายละเอียดให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทางปฏิบัติ อาทิ กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วย การอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าข้ามแดน และกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการขนส่งต่อเนื่อง หลายรูปแบบ
·       ความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน ( People-to-people Connectivity ) เน้นการเชื่อมโยงด้าน
การศึกษาและวัฒนธรรม และการเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยว
- ด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มีความร่วมมือใน 4 ด้านที่มีความสำคัญสูงได้แก่ การส่งเสริมความตระหนักรู้เกี่ยวกับอาเซียนในหมู่พลเมือง โดยเฉพาะเยาวชน การเสริมสร้างอัตลักษณ์อาเซียนผ่านการศึกษา การสร้างทรัพยากรมนุษย์ของอาเซียนในสาขาการศึกษา การเสริมสร้างการสร้างเครือข่ายของมหาวิทยาลัยอาเซียน
- ด้านวัฒนธรรม จะส่งเสริมการตระหนักรู้ถึงความแตกต่างในมรดกทางวัฒนธรรมภายในอาเซียน เพิ่มการปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักวิชาการ นักเขียน ศิลปิน สื่อมวลชน และนักศึกษา
- ด้านการท่องเที่ยว แผนงานด้านการท่องเที่ยวของอาเซียนระหว่างปี 2547-2553 ได้พยายามส่งเสริมให้อาเซียนเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยว แม้จะประสบความสำเร็จที่ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางมาถูมิภาคอาเซียนเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากนักท่องเที่ยวของภูมิภาคที่เดินทางไปมาระหว่างกัน แต่ยังมีประเด็นที่ต้องร่วมกันแก้ปัญหา กล่าวคือ การจัดทำข้อกำหนดการตรวจลงตราให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน การใช้ระบบประกันภัยประเภทที่ 3 แก่นักท่องเที่ยวที่เป็นมาตรฐานสากล ตลอดจนมาตรฐานบริการด้านการท่องเที่ยว ความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนนี้ นับเป็นสิ่งท้าทายที่สำคัญประการหนึ่งของอาเซียน เนื่องจากความหลากหลายด้านสังคม วัฒนธรรม ศาสนาและภาษา ต้องอาศัยการเรียนรู้ และปรับตัวเข้าหากันพอสมควร
แผนแม่บทว่าด้วยการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน เป็นสัญญาณที่ดีในเส้นทางการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เนื่องจากเป็นการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น : (ไทยกับอาเซียน กรมประชาสัมพันธ์ ปี 2554)

ปัญหาเก่าที่พบ เป็นที่ถกเถียงและเป็นปัจจัยที่ทำให้ไม่สามารถเกิดโครงการได้
1. เรื่องเดิม (การเอาเปรียบทางการค้า และรักษาอิทธิพลของอังกฤษ) ไทยรับรองว่าจะไม่ขุดคอคอดกระเพื่อเชื่อมมหาสมุทอินเดียกับอ่าวไทย โดยมิได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลอังกฤษ หลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง (พ.ศ.2440 อังกฤษตกลงในอนุสัญญาลับว่า ไทยจะไม่ยอมให้ชาติหนึ่งชาติใดเข้ามาเช่า หรือถือกรรมสิทธิ์ดินแดนไทยบริเวณใต้ตำบลบางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์ ลงไป โดยอังกฤษไม่เห็นชอบเด็ดขาด)
o   (ปัจจุบันหมดสนธิสัญญาลับนี้ไปแล้ว พ.ศ.2497 ไทยปลดเปลื้องพันธกรณีจากอังกฤษ )
2. การยกประเด็นความมั่นคง การแยกประเทศไทยเป็นสองส่วน ยุ่งยากในการควบคุมดูแล
o   (ประเทศที่เป็นเกาะทำไมจึงไม่มีปัญหา ซึ่งแต่ละเกาะมีความกว้างกว่าคลองที่จะสร้างขึ้น และปัจจุบันเทคโนโลยีทางการทหาร เขาไม่ได้ใช้กำลังทหารเดินทัพไปรบกันแล้ว เขาใช้เทคโนโลยีอิเลคทรอนิคส์ และดาวเทียมรบกัน ระยะห่างของคลองแค่ กิโลเมตรเดียว จะมีปัญหาได้อย่างไร)
3. ภูมิยุทธศาสตร์ การเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางด้านการทหาร ที่กลายเป็นเป้าหมายของการแผ่อิทธิพลที่ชาติมหาอำนาจทั้งหลายจะเข้ามามีบทบาท และสร้างความยุ่งยาก
o   (การสร้างความสมดุล และดุลยภาพทางการฑูต)
4. การเงินและงบประมาณ การลงทุน ความคุ้มค่าของงบประมาณ
o   (หลากหลายวิธีการของการลงทุน ญี่ปุ่นเคยสนใจในการลงทุนตั้งแต่ พ.ศ.2533 ในสมัยรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ)
o   (พ.ศ. 2558 บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนสนใจที่จะร่วมลงทุนอภิมหาโครงการแห่งนี้)
5. การสกัดโครงการจากนักการเมืองและข้าราชการ ที่รับประโยชน์จากต่างชาติ โดยมีการกล่าวขานกันตลอดมาว่ารับผลประโยชน์จากต่างชาติปลายด้ามขวาน ทุ่มเงินใส่ไม่กี่มัดก็สามารถใช้ปาก และมือล้มโครงการได้ โดยการอ้างสาระพัดอุปสรรค์และสร้างความน่ากลัวในด้านความมั่นคง ประชาชนก็จะหลงเชื่อโดยปริยายเพราะในด้านความคิดนั้นถูกปลูกฝังความเชื่อไว้อย่างลึกและแน่น
ศูนย์กลางการขนส่งแห่งอาเซี่ยน ของไทย บินให้ไกล ไปให้ถึงฝั่งฝัน หรือเป็นแค่ฝันค้าง กลางแดดคอคอดกระ หรือคลองไทย จะเป็นตัวเชื่อมให้โครงข่ายของระบบเดินไปได้อย่างเป็นรูปธรรม สิ่งที่พบว่าน่าจะเสริมสร้างให้กับคนไทยและชาติไทยได้รับ ดังนี้
1. ระบบการขนส่งทางน้ำที่จะเชื่อมโยงกับการขนส่งทางบก จะเชื่อมกันตลอดแนวการขนส่งระหว่างประเทศชายทะเลด้วยกัน และประเทศที่อยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดินใหญ่ แม้ว่าการร่นระยะทางจากฝั่งอ่าวไทยกับอันดามันจะร่นระยะเวลาแค่ 2 วันการเดินเรือในแนวมะละกาก็ตาม (จีน เกาหลี และญี่ปุน จะได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก เนื่องจากการขนส่งทางน้ำมีมาก) ซึ่งประเทศไทยจะได้รับค่าธรรมเนียมในการเก็บค่าผ่านคลอง (คลองที่สร้างระวางเรือที่ผ่านระดับระวางบรรทุก  800,000 ตัน กรอส) เป็นรายได้เข้าประเทศ
ในขณะเดียวกันการเชื่อมโยงระบบการขนส่งภายในประเทศทั้งทางน้ำ ทางบก ระบบราง และทางอากาศ จะเชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียวได้โดยง่าย (นั่นคือศูนย์กลางอย่างแท้จริง)
2. สร้างงาน สร้างอาชีพให้ประชาชนเพิ่มขึ้น เพราะจะมีทั้งท่าเรือ อู่ซ่อมเรือ การบริการ การท่องเที่ยว โรงแรม การบริการทางการเงินและธนาคาร
สิ่งที่ตระหนัก และสร้างความเข้าใจ
1. ความมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่น ส่วนรวมได้อะไร เขาควรได้อะไร เขาเสียอะไร และควรดูแลเขาอย่างไร
2. ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม มลภาวะ และการควบคุม
อยากให้พี่น้องชาวไทยลองคิดทบทวนดู หากคุณมีเพื่อนบ้านที่คอยอิจฉาคุณทุกอย่างเพราะคุณดีกว่าเขาไปเสียทุกด้าน โดยพยายามกีดกันโอกาสและความเจริญก้าวหน้าของคุณทุกวิถีทาง และคอยเป็น
พี อาร์ ส่วนตัวกระจายข่าวแต่ในด้านลบให้คุณ หรือคอยดิสเครดิตคุณตลอดเวลา มิหนำซ้ำยังมีคนในบ้านเป็นใจให้ความร่วมเพราะเห็นแก่ "เงิน" คุณก็คงไม่สามารถ ลืมตาอ้าปากได้ไปตลอดชีวิตแน่นอน
คุณรู้ไหม ทำไมทุกวันนี้คนไทยยังมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่ามาตรฐานโลก ทั้ง ๆ ที่เมืองไทยอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ ทำไมตามสี่แยกไฟแดงในกรุงเทพตอนเที่ยงคืน ยังมีเด็กเล็ก ๆ ต้องเดินขายพวงมาลัย เสี่ยงต่อการโดนรถชน ทั้ง ๆ ที่เป็นเวลาที่เด็กควรจะได้นอนหลับเพื่อตื่นไปโรงเรียนในรุ่งเช้า
ทำไมประเทศไทยยังเลื่องลือในเรื่องโสเภณีทั้งหญิง และชาย  ยาเสพติดยังไม่หมดไปแถมระบาดหนักกว่าเดิม ทำไมคนไทยในสายตาชาวโลกยังคงเป็นแค่แรงงานราคาถูกในภาคอุตสาหกรรม และทำไม ทำไม ทำไม อีกกี่ร้อยปัญหาที่ปรากฎ  คอรัปชั่น การศึกษา  ทุกคำตอบทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเหตุเป็นผลต่อซึ่งกันและกัน คนไทยไม่ได้โง่กว่าใครในโลกนี้ แต่ทำไมคนไทยยังต้องต่อสู้กับปัญหาปากท้อง และความมั่นคงของชีวิตตัวเองแทบเอาตัวไม่รอดตื่นเถิดชาวไทย